เที่ยวแบบ Slow Life ณ คลองโคน ทานอาหารทะเลสดๆ นอนโฮมสเตย์

ปัจจุบันเทรนด์การ เที่ยวแบบวิถี Slow Life เริ่มได้รับความสนใจทั้งในกลุ่ม Gen Y หรือแม้กระทั่ง Gen Z ไม่น้อย ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น คงไม่มีคำตอบไหนชัดเจนไปกว่าความปรารถนาหาสถานที่สงบพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีเพียงน้อยนิด ลองนึกภาพตามว่าแค่ได้นั่งมองสายน้ำไหล นอนฟังเสียงคลื่นริมทะเล เพียงเท่านี้ก็เหมือนกับได้ชาร์จพลังให้ร่างกายเต็มเปี่ยม

คุณไม่จำเป็นต้องเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ หากคุณไม่ได้มีเวลาว่างมากพอ ขับรถเพียง 2 ชั่วโมงเศษไปยัง ต.คลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม พื้นที่ชุมชนเล็ก ๆ แห่งนี้เปรียบเสมือนแหล่งเติมแบตให้ร่างกายชั้นดีเลยแหละ

บทความนี้ painaikandee เราจะพาทุกคนไปรู้จักชุมชนเล็ก ๆ ปากอ่าวว่าที่นี่เขามีอะไรดี ไปแล้วน่าเบื่อไหม แล้วมีกิจกรรมอะไรให้ทำบ้าง

คลองโคน เที่ยวแบบวิถี Slow Life เชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ

“คลองโคน” ชุมชนเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในตำบลคลองโคน อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ที่นี่เป็นชุมชนชาวประมงที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพประมง หาปลา เพาะพันธุ์สัตว์น้ำ อีกทั้งยังเป็นพื้นที่ป่าชายเลนขนาดใหญ่อันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่กว่า 2,000 ไร่

แต่ก่อนเคยเป็นพื้นที่เสื่อมโทรม ถูกทอดทิ้ง เนื่องจากมีการสร้างบ่อเพาะกุ้งเชิงเกษตรและมีการปล่อยน้ำเสียลงสู่ธรรมชาติ ก่อนที่ภายหลังจะได้รับการฟื้นฟูด้วยความร่วมมือของคนในชุมชน

ปัจจุบัน ชุมชนคลองโคนถูกพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ภายใต้ความร่วมมือของคนในชุมชน ปรับปรุงให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมาพักแบบ 2 วัน 1 คืน นอนพักโฮมสเตย์ที่ชาวบ้านดัดแปลงให้กลายเป็นที่พัก ทำกิจกรรม และทานอาหารทะเลสดใหม่

กิจกรรมการท่องเที่ยวในชุมชนคลองโคน

หากเรามีเวลาไม่มากนัก แต่อยากชาร์จพลังท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ เที่ยวแบบวิถี Slow Life พักแค่คืนเดียว หรือจะแค่ขับรถแวะไปทานอาหารทะเลเช้าไปเย็นกลับก็เพียงพอ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าที่นี่จะไม่มีอะไร จะบอกเลยว่าถึงจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวใน Guide Book ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เขามีกิจกรรมสนุก ๆ ซ่อนไว้เพียบ

พักโฮมสเตย์ชาวบ้าน

หากใครมาพักเที่ยวคลองโคน แล้วหวังจะมาพักโรงแรมหรู หรือรีสอร์ตติดริมทะเลสวย ๆ ล่ะก็ ลืมภาพนั้นให้สิ้นไปเลย เพราะที่นี่จะพาคุณเปิดสู่โลกใหม่แบบใกล้ชิดธรรมชาติของแท้! ที่พักส่วนใหญ่จะเป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้านในชุมชนที่ดัดแปลงเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว คุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตแบบชาวบ้าน ใกล้ชิดความเป็นอยู่ของคนในชุมชน และสูดกลิ่นธรรมชาติเต็มปอด

ที่พักริมน้ำ เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักเดินทาง เมื่อคุณตื่นขึ้นมามองเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ตกเย็นนั่งมองพระอาทิตย์ตกเป็น 360 องศา เอาขาหย่อนลงไปในน้ำ เป็นอะไรที่ฟิน อิ่มอกอิ่มใจ และอิ่มท้องสุด

นั่งเรือชมการเพาะหอย

นอกจากจะเป็นสถานที่เชิงนิเวศแล้ว คลองโคนยังเป็นแหล่งเกษตรกรรมเพาะพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ โดยเฉพาะบ่อเพาะหอย เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ และใครที่ชอบกินหอยแครงลวกจิ้ม ที่นี่คือสวรรค์ของพวกคุณ เขามีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวลงไปงมหอยด้วยตัวเองในคลอง แล้วเอามาทำอาหารกินกันสด ๆ บอกเลยว่าแค่นี้ก็ฟินใจสุดแล้ว

ปลูกป่าชายเลน

คลองโคน เป็นพื้นที่ปากอ่าวที่เชื่อมระหว่างทะเลและแม่น้ำแม่กลอง พื้นที่บริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 2,000 ไร่ เราสามารถจ้างเรือเหมาลำให้เขาพาเที่ยวชมป่าชายเลน ส่องสัตว์ป่า เช่น ลิงแสม ปูเสฉวน รวมถึงพืชพันธุ์ นอกจากนี้ หากใครมาเป็นหมู่คณะ ก็สามารถจัดทริปทำกิจกรรมปลูกป่าชายเลน ช่วยกันฟื้นฟูและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าต้นน้ำให้อยู่คู่เมืองไทย

นั่งเรือชมหิ่งห้อย

ด้วยความที่คลองโคนอยู่ไม่ไกลจากอัวพวามากนัก การท่องเที่ยวแบบวิถี Slow Life พักโฮมสเตย์ชาวบ้าน ตกกลางคืนล่องเรือไปดูหิ้งห้อยที่ยังคงอุดมสมบูรณ์อยู่มาก (แอบกระซิบว่าหิ้งห้อยยังเยอะกว่าอัมพวาเสียด้วย) โดยเฉพาะช่วงใกล้หน้าหนาวแบบนี้ ใครไปกับแฟน บรรยากาศโรแมนติกสุด ๆ

ทานอาหารทะเลสด

แน่นอนว่าพอพูดชื่อคลองโคน ก็ต้องนึกถึงอาหารทะเลสด ๆ ล่ะถูกต้องแล้ว เพราะที่นี่คือหมู่บ้านชาวประมงที่คนในชุมชนส่วนใหญ่ทำอาชีพประมงกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าร้านอาหารทะเลในระแวกนี้เยอะมาก แล้ววัตถุสดเหมือนกับขึ้นมาจากทะเลแล้วโยนลงเตาทันที มาที่นี่ไม่ต้องกลัวว่าจะหาร้านอร่อยยาก เพราะร้านอาหารทะเลเยอะมาก แล้วร้านอร่อย รสชาติปาไปแล้วกว่า 90%

คลองโคน-บ้านแหลม-บางตะปู เที่ยวแบบวิถี Slow Life วันเดียวเที่ยวครบ

มาเที่ยวที่ตำบลคลองโคน คุณสามารถขับรถเที่ยวต่อไปที่บางตะบูน แหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่เชื่อมต่อกัน และแน่นอนว่าบางตะบูนก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ที่คุณสามารถเที่ยวพักโฮมสเตย์กลางทะเล กินอาหารทะเลสด ๆ ไม่แพ้คลองโคน อีกทั้งยังเป็นแหล่งทำนาเกลือขนาดใหญ่ แวะเที่ยวชมวิธีทำสปา แวะซื้อผลิตภัณฑ์จากเกลือ และกิจกรรมตกปลา เป็นกิจกรรมยอดฮิตที่สายตกปลาต้องชอบ

ขับรถเลยไปในเส้นทางเดียวกันไม่ใกล้ไม่ไกล ไปยังอำเภอบ้านแหลม สถานที่ขึ้นชื่อในเรื่องปลาวาฬ ในทุกปีปลาวาฬบลูด้าจะขึ้นมาให้เห็นกันแถวแหลมผักเบี้ย เราสามารถเช่าเรือเหมาลำไปกลางทะเล รอชมปลาวาฬบลูด้า ซึ่งไม่ใช่จะหาดูได้ทั้งปีนะ น้องจะออกมาแค่ช่วงฤดูหนาว หรือประมาณตุลาคม – ธันวาคมของทุกปี (แต่ไม่ใช่ว่าไปแล้วจะเจอตัวทุกคนนะ อันนี้แล้วแต่ดวงเลยว่าเวลาเราไป น้องจะออกมาไหม)

ร้านอาหารแนะนำคลองโคน-บางตะบูน

จะมา เที่ยวแบบวิถี Slow Life แถวปากอ่าวแบบนี้ ต้องไม่พลาดแวะกินอาหารทะเลอร่อย ๆ ซึ่งมาที่นี่รับประกันเลยว่าวัตถุดิบสด ใหม่ สะอาด (ก็แหม ถิ่นชาวประมงนี่หนา) วันนี้เรามีร้านแนะนำ ไล่ตั้งแต่คลองโคน – บางตะบูน ซึ่งระแวกนี้ร้านอาหารเรียงรายตลอด 2 ข้างทาง

ร้านเรือเลเล

เป็นร้านที่วิวดีมาก ตัวร้านตั้งอยู่บนเรือที่ถูกรีโนเวทให้เป็นร้านอาหาร เวลานั่งทานอาหารก็สามารถมองวิวทะเลกว้างไกลสุดลูกหูลูกตารอบทิศ ทางร้านมีอาหารทะเลหลากหลาย ราคาไม่แรง บรรยากาศดี แต่ทางเดินไปร้านต้องระวังนิดนึง ระวังเจ้าจ๋อนี่แหละ เพราะตัวร้านอยู่ติดกับขอบป่าชายเลน มีเหล่าเจ้าลิงแสมตลอดทาง

ครัวลุงญา บางตะปูน

ครัวลุงญา เขาขึ้นชื่ออยู่แล้ว ทั้งเรื่องรสชาติจัดจ้าน วัตถุดิบสดใหม่ และราคาสบายกระเป๋า ที่สำคัญร้านลุงญาก็เป็นร้านที่ได้คะแนนรีวิวดีสุดในย่านนี้ เคยได้รับรางวัลจากแอป Wongnai เสน่ห์อย่างนึงของร้านลุงญานอกจากอาหารของเขาแล้ว ทางเดินเข้าร้านยังมีการเปิดพื้นที่ให้ชาวบ้านได้นำของมาขาย ส่วนใหญ่ก็เป็นอาหารทะเล เกลือ กะปิ เคย อาหารทะเลตากแห้ง ราวกับเป็น OTOP ชุมชนยังไงยังงั้น

แดง ซีฟู๊ด

บ้านไม้ขนาดเล็กในซอยหมู่บ้านชาวประมง “แดง ซีฟู๊ด คลองโคน” ร้านอาหารชาวบ้านที่ดูธรรมดา แต่รสชาติไม่ธรรมดา จุดเด่นของเขาคือการใช้วัตถุสดใหม่เหมือนขึ้นจากทะเลปุ๊ป ลงเตาปั๊ป และอาหารจานใหญ่ไซซืบิ๊กบึ้ม มาเที่ยวคลองโคนทั้งที แนะนำว่าให้ลอง

โค้งน้ำบ้านราม

ตัวร้านตั้งอยู่ที่อำเภอบ้านแหลม จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับคลองโคน – บางตะบูน ตัวร้านตั้งอยู่ใจกลางป่าชายเลน บรรยากาศเงียบสงบ เจ้าของร้านเป็นกันเอง ส่วนอาหารของเขาไม่ต้องพูดถึง สดใหม่ สะอาด และรสชาติถึงเครื่อง เมนูที่มาแล้วห้ามพลาด แน่นอนว่าจะต้องมีกุ้งเผาย่างบนโต๊ะร้อน ๆ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดสูตรเด็ดของทางร้าน

เป็นยังไงกันบ้าง เห็นไหมล่ะว่าชุมชนเล็ก ๆ อย่างเส้นทางคลองโคน – บางตะบูน – บ้านแหลม ซ่อนอะไรดี ๆ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้อีกมากมาย แม้ว่าจะไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไกด์บุ๊ก แต่ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะกับคนที่ต้องการอยากจะ เที่ยวแบบวิถี Slow Life มีเวลาว่างน้อย วันหยุดน้อย แต่อยากจะพักผ่อนราวกับลืมโลกแห่งความจริง เพียงแค่ 2 วัน 1 คืนก็เพียงพอสำหรับที่นี่